ใครว่าของถูกแล้วดี ไม่มีในโลก! ลองมาดู Oker DS-300 หูฟังยาจกขึ้นห้างกันก่อน

อย่าแปลกใจหรือด่วนสรุปว่าผมดูถูกหูฟังหรือคนใช้หูฟังตัวนี้ว่าเป็นยาจกนะครับ เพราะผมก็เริ่มหลงรักมันเข้าให้แล้ว แต่เพราะเหตุใดที่ผมเรียกเจ้า DS-300 ว่ายาจกขึ้นห้างนั้นลองตามมาอ่านกันก่อนครับ

ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมก็ไม่ใช่คนจำพวกหูเทพหูทองอะไรนะครับ สำหรับรีวิวอันนี้อยากมองว่าผมมาแนะนำหูฟังดีๆ ในงบที่สบายกระเป๋ามากกว่าครับ

หน้าตาก็เป็นเหมือนหูฟังทั่วไป

ลักษณะของหูฟังตัวนี้เป็นแบบ Earbud นะครับ ขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร สำหรับผมเมื่อใส่นานๆ (1-2 ชั่วโมง) จะเริ่มปวดหูแล้วครับ ต้องถอดพักหูก่อน แต่จะว่าไปสำหรับคนที่ไม่ได้ฟังนานๆ ผมว่ามันไม่มีปัญหาอะไรมากมายครับ

ในส่วนของวัสดุผมคิดว่าด้วยราคาของมันแล้วก็ยอมรับได้หล่ะครับ กับวัสดุที่ให้มาก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็บอกได้เลยว่าธรรมดามากๆ แต่ตรงส่วนหัวแจ็คขนาด 3.5 นั้นเป็นทองเหลืองครับ แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันมากครับ ส่วนฟองน้ำก็เป็นฟองน้ำธรรมดาครับ กะไว้ว่าจะลองไปหาฟองน้ำนิ่มๆ มาลองเปลี่ยนดูครับ ในเรื่องความยาวสายนั้นเค้าเครมไว้ว่า 120cm (ไม่ได้วัด) เป็นแบบสาย J นะครับ สำหรับคุณภาพของสายก็ธรรมดาครับ ออกจะไปทางแย่เล็กน้อยครับ หากใช้ไปนานๆ อาจจะเกิดอาการแข็งได้

แจ๊คที่ให้มาเป็นแจ็คทองเหลือง ดูแล้วสบายใจขึ้นเล็กน้อยครับ

เรื่องของคุณภาพเสียง ตอนแรกผมอ่านรีวิวจากหลายๆ ที่เค้ายกเป็นหูฟังระดับล่างที่เทียบได้กับระดับกลางเลยหล่ะครับ แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังไว้สูงครับกับราคามันแค่นี้ ถือว่าเอามาฟังเล่นๆ ตอนนั่งรถไปไหนใกล้ๆ ครั้งแรกที่ลองใส่เข้าไปผมไม่ได้ใส่ฟองน้ำครับ อยากฟังเสียงดิบๆ ที่ไม่ผ่านฟองน้ำดูก่อน ความรู้สึกแรกคือมันใหญ่กว่าหูผมไปเล็กน้อย แต่ก็โอเคไม่เป็นไร เลยลองเสียบฟังกับ Samsung Galaxy Mini ที่ปรับ EQ เป็นแบบ Rock เพลง Mr.TAXI ของ SNSD ความรู้สึกแรกหลังจากได้ยินเสียง คือ “โอ้! เห้ย! โอ๊ะะะะะะะะะะะะ เห้ยยยยย!” ?เหลือบไปมอง Creative ที่เคยซื้อมาฟัง มันกลายเป็นของเด็กเล่นไปเลยครับ (ลูกผมเอามาม้วนแขนแล้วเดินลากทุกวันเลยครับ ฮ่าาา) เสียงที่ได้ผมบอกได้เลยว่า ถ้ามีคนบอกผมว่าหูนี่ราคา 800 ผมก็ว่าไม่น่าเกลียดเลยครับ จุดเด่นที่ผมชอบคือ Bass แน่น นำมาเลยครับ ความกว้างของเสียงถือว่าไม่กว้างมากครับ ออกจะกระจุกอยู่กลางๆ หน่อยๆ แต่ไม่แคบจนอึดอัดครับ แหลมทำได้ดี สามารถฟังออกครับว่าเครื่องดนตรีแยกเล่นกันอย่างชัดเจน… บางคนเค้าบอกว่าเบสจะออกบวมๆ ผมก็ฟังไม่ออกว่ามันบวมยังไง แต่จะให้พูดแบบตามความเข้าใจผมคือ มันไม่ออกเป็นลูกแบบชัดเจนแค่นั้นเองครับ

หลังจากนั้นผมก็เลยใส่ฟองน้ำแล้วฟังดูอีกรอบ เสียงที่ได้จะนุ่มขึ้นและไม่บาดหูจนเกินไป เบสที่ได้ดูอ้วนๆ ขึ้นเล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ ครับ แหลมไม่บาดหู กลางทำได้ดีเหมือนเดิมครับ ผมเลยใส่ฟองน้ำไว้นี่แหละ ชอบมากกว่าและยังสามารถกันฝุ่นได้ด้วยครับ

หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อยากรู้ว่าราคาเจ้าหูฟัง ‘ยาจกขึ้นห้าง’ ตัวนี้ราคาเป็นอย่างไร ผมบอกได้เลยว่าทั้งหมด ที่ผมเล่ามาให้ฟังนั้น แค่ 100 บาทเท่านั้นครับ! … ไม่ต้องมองหน้าผมแบบนั้นก็ได้ครับ ไม่ต้องงงครับ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วครับ บางคนอาจจะคิดว่า แหม่… หูฟังราคาแค่นี้ขอให้เสียงมันออกมาก็พอใจแล้ว แต่ผมบอกไว้เลยครับ ตอนแรกผมก็คิดแบบนี้ คือคิดว่า เอาหน่ะ… ถ้ามันไม่ได้เรื่องก็ค่อยเอามามัดถุงขยะก็ได้วะ! แต่เมื่อได้ฟังแล้วผมบอกได้เลยว่าหูตัวนี้ผมจะซื้อมาเพิ่มและเก็บไว้แน่นอน เพราะมันจะกลายเป็นหูฟังตัวหลักๆ ที่ผมจะฟังบ่อยๆ แน่นอนครับ

Package ที่ให้มาก็ไม่น่าเกลียดครับ

สุดท้ายไม่ต้องกลัวว่าผมจะขายของครับ ผมไม่ขายแน่นอน ใครอยากลองพลานุภาพของเจ้า Oker DS-300 ก็ลองไปเดินๆ เตร่ แถวๆ พันทิพย์ดูแล้วกันครับ สำหรับผมนั้น ผมสั่งเอาทางอินเตอร์เน็ตครับ ใครอยากรู้ว่าเจ้าไหนก็ comment ไว้แล้วกันครับ จะชี้เป้าไปให้ เดี๋ยวจะหาว่ามาขายของ

เอาหล่ะ… สำหรับคืนนี้ผมขอจบไว้เพียงแต่เท่านี้แล้วกันนะครับ สวัสดีครับ!

 

ปล. OKER สนใจจะให้ผมรีวิวอุปกรณ์อะไรก็ติดต่อมาได้นะครับ ฮาาาาาาาาาา จริงๆ ผมมีจอยเกมส์ของ OKER อีกตัวนะ ผมว่ามันก็ทนดี

Thapakorn
Follow me

Leave a Reply